Ads Header

Pages

Sunday, September 13, 2009

นั่งเรือกอนโดลา ชมทะเลเกาะช้างที่บ้านสลักคอก

หลายคนที่เคยมีโอกาสไปเยือนเกาะช้าง แล้วเกิดอาการเบื่อหน่ายกับสภาพความเสื่อมโทรม แต่จริงๆแล้วเกาะแห่งนี้ยังมีอะไรที่น่าค้นหา อย่างที่ "ชุมชนบ้านสลักคอก"...

ใครที่เคยไปเยือนเกาะช้าง จ.ตราด หลายคน อาจบ่นเบื่อกับสภาพความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว หลายๆแห่งที่นั่น บางจุดกำลังจะกลายสภาพเป็นถนนพัฒน์พงศ์ หาดพัทยาและหาดป่าตอง ที่เต็มไปด้วยบาร์เบียร์และสีสันยามราตรี อย่างไรก็ตาม เกาะช้างยังคงมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงมาก

ทั้งการท่องเที่ยว เชิงนิเวศและการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทำให้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งเป็นองค์การมหาชน ภายใต้การ กำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี เล็งเห็นความสำคัญ และเข้ามามีส่วนในการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับภาคีต่างๆบนเกาะช้าง ซึ่ง 1 ในผลงานอันโดดเด่นจากความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานรัฐและชาวบ้าน คือชุมชนบ้านสลักคอก ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม




อ่าวสลักคอก มีป่าชายเลนผืนใหญ่สุดบนเกาะช้าง พื้นที่ราว 670 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตัวอ่อน ของสัตว์น้ำต่างๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการพังทลายชายฝั่ง ลดความเร็วลมที่จะเข้ามาปะทะฝั่ง ชาวบ้านสลักคอกยึดอาชีพทำประมงพื้นบ้านเป็นหลักและเป็น ชุมชนชาวประมงเพียงไม่กี่แห่งที่เหลืออยู่บนเกาะช้าง

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นั่นจะช่วยกันรักษาความอุดมสมบูรณ์ ของระบบนิเวศไว้ได้อย่างดี ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ของการท่องเที่ยวในระบบทุนนิยม ชาวบ้านสลักคอกไม่นิยมขายที่ดินให้นายทุนต่างถิ่น แต่ยินดีจะใช้ชีวิตแบบพอเพียง เรียบง่าย ตามวิถีดั้งเดิม

คุณราชันย์ ภู่ทนิน ผู้จัดการชมรมท่องเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2548 เล่าให้ฟังว่า ได้มีการจัดตั้งกองทุนในระบบสหกรณ์โดยขายหุ้นให้กับชาวบ้านที่สนใจหุ้นละ 100 บาท ปีแรก มีชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกแค่ 20 คน เพราะส่วนใหญ่ ยังสงสัยว่าจะทำอะไรกัน มีอาชีพประมงดีๆอยู่แล้ว จะเอาเงินไปซื้อเรือคยักมาให้นักท่องเที่ยวพายเรือชมป่าโกงกางทำไม ทั้งๆที่ไม่เห็นจะมีอะไรให้ดู

แต่เมื่อชมรมเริ่มตั้งหลักได้ มีผลการดำเนินงานเป็นรูปเป็นร่าง ชาวบ้านก็เริ่มหันมาสนใจและให้ความร่วมมือมากขึ้น โดยชมรมได้รณรงค์รักษาความสะอาดตามลำคลอง ป่าชายเลนในหมู่บ้านและสร้างจิตสำนึกของ คนในชุมชนร่วมดูแลทรัพยากรท้องถิ่นของตน


ต่อมามีการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยว โดยไม่รับจากภายนอกมาด้านเดียว แต่เป็นการค่อยๆ พัฒนา รูปแบบของตนเอง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน นั่นคือการ "นั่งเรือมาด" หรือที่ นักท่องเที่ยวขนานนามให้ว่า "เรือกอนโดลา (gondola)" แห่งเกาะช้าง ซึ่งถูกนำไปเปรียบเทียบกับเรือกอนโดลา ที่เมืองเวนิสประเทศอิตาลี โดยชมรมฯ ได้รับ การสนับสนุนจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ในการสนับสนุนงบประมาณซื้อเรือมาดให้ บริการนักท่องเที่ยวและเป็นพี่เลี้ยงในการประสานการเข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนา

การให้บริการล่องเรือมี 2 แบบ คือเรือคยักสำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยม การท่องเที่ยวแบบผจญภัย นักท่องเที่ยวจะพายเรือไป ตามลำคลองต่างๆ ด้วยตนเอง โดยจะมีการอธิบายเส้นทางพร้อมแจกแผนที่ให้กันหลงและเรือมาดสำหรับนักท่อง เที่ยวที่มาแบบครอบครัว ในเรือมาดจะมีที่นั่งพร้อมทั้งโต๊ะอาหารกลางลำเรือและมีร่มกางกันแดด โดยจะมีคนแจวเรือให้ นักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพตลอดลำคลองไปจนถึง ปากอ่าวสลักคอก ยิ่งในช่วงเย็นจะเห็นพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งโรแมนติกมาก ทำให้คู่หนุ่มสาวชาวต่างชาตินิยมมา ดินเนอร์มื้อเย็นกันในเรือมาดของที่นี่และพอพลบค่ำ ก็จะได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนมากส่งแสงวิบวับสวยงาม


เมื่อไปถึงปากอ่าวสลักคอก จะเห็นเกาะอยู่สองเกาะ มีชื่อเรียกว่า "เกาะสลัก" และ "เกาะลิ่ม" คน แจวเรือเล่าตำนานพื้นบ้านให้ฟังว่า "เดิมอ่าวสลักคอก มีหินปิดทางเข้าออกและมีการลงลิ่มไว้ป้องกันหินเลื่อน ออก ต่อมามีช้างชื่อเพชรมาจากบ้านสลักเพชร (ทางตอนใต้ของบ้านสลักคอก) มาดันก้อนหินและลิ่มที่ปิดปากอ่าวขยับออกไป กลายเป็นเกาะสลักและเกาะลิ่ม และยังได้ไปถ่ายมูลไว้ที่หน้าเกาะสลักกลายเป็นกองหินมีชื่อเรียกว่าหินขี้ ช้างในปัจจุบัน

บ้านสลักคอกวันนี้มีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามา มากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขยายกิจการด้วยการต่อเรือมาดเพิ่ม ปัจจุบันชมรมมีเรือมาดให้บริการ 7 ลำ และเรือคยัก 2 ลำ

สำหรับรายได้ของชมรมฯ ในปีแรก มีผลกำไรประมาณ 100,000 บาทเศษ ในปีที่ 2 ประมาณ 200,000 บาทเศษ และปีที่ 3 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 350,000 บาท แต่ถึงวันนี้ ยังไม่ครบปีก็สามารถทำกำไรเกินเป้าไปเล็กน้อยแล้ว คาดว่าปีนี้ผลประกอบ การอาจสูงถึง 400,000 บาท การก่อตั้งชมรมฯ ทำให้ ชาวบ้านในชุมชนมีฐานะทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น เพราะมีรายได้มาจาก 3 ทางด้วยกัน

1. รายได้จากการทำประมง

2. รายได้จากเงินปันผลของการลงทุนในการซื้อหุ้นของชมรมฯ

3. รายได้จากการรับจ้างแจวเรือมาดให้กับนักท่องเที่ยว

ทุกวันนี้ชุมชนบ้านสลักคอกยังคงมีการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองไปเรื่อยๆ โดยพยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง มิให้ชุมชนเติบโตหรือขยายตัวรวดเร็วเกินไป และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ชาวบ้านสลักคอกมีความคิดที่จะไม่ยอมขายที่ดิน ให้กับนายทุนต่างถิ่นที่เข้ามากว้านซื้ออย่างเด็ดขาดและพยายามรณรงค์ส่ง เสริมเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะระลึกอยู่เสมอว่า ที่นี่คือแผ่นดินเกิดของพวกเขา

สนใจนั่งเรือมาดชมทะเลเกาะช้าง หรืออยากสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวแห่งอื่นๆบนเกาะช้าง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวท่าโสม อพท. โทรศัพท์ 0-3951-6051-4 จะได้ความกระจ่างมากขึ้น.






ข้อมูล http://www.thairath.co.th/

0 comments:

Post a Comment

MENU



คุยกันถูกคอก็แบบนี้หล่ะ

ShoutMix chat widget