หมู่บ้านร่องไฮ แต่เดิมไม่ได้บันทึกประวัติในการจัดตั้งหมู่บ้าน แต่เดิมชุมชนบ้านร่องไฮประมาณ100 กว่าปีพื้นที่ในชุมชนบ้านร่องไฮยังเป็นป่าไม้รังไม้ไผ่ไม้ทองกวาวและไม้ เบญจพรรณ เป็นจำนวนมาก
ซึ่งต่อมาได้มีกลุ่มชนที่มาตั้งหลักฐานในหมู่บ้านมาจากบ้านท่ากว๊านใน ต.เวียงพะเยา ได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ตามหัวไร่ปลายนาประกอบอาชีพทำนา เลี้ยงสัตว์ประมาณ10 – 20ครัวเรือน ซึ่งต้นตระกูลแรกที่มาตั้งบ้านเรือนคือ ตระกูลชุ่มคำลือต่อมาเป็น ชุ่มลือ
แล้วต่อมาก็มีประชากรเริ่มอพยพมาจากบ้านกาดเมฆอำเภอเมืองจังหวัดลำปางมาทำมา หากินตั้งถินฐานโดยการนำเอาวัฒนธรรมการตีมีดมาด้วยจนทำให้เป็นอาชีพของชาว บ้านร่องไฮซึ่งประชากรที่อพยพมาจากลำปางเริ่มมาเมื่อพ.ศ.2458
การตั้งชื่อหมู่บ้านมีจากคำบอกเล่าว่า เมื่อสมัยก่อนบ้านร่องไฮมีร่องน้ำไหลผ่านกลางหมู่บ้านลงสู่แม่น้ำอิง หรือหนองเอี้ยงซึ่งสองข้างฝั่งร่องน้ำมีต้นไทรใหญ่ขึ้นอยู่เรียงกันซึ่งทาง ภาคเหนือ หรือภาษาพื้นเมืองเรียกต้นไทรว่า ต้นไฮ จึงตั้งชื่อตามร่องน้ำที่มีต้นไฮ ขึ้นว่า ร่องไฮจนมาถึงทุกวันนี้
ในอดีตบ้านร่องไฮ มีเพียงหมู่บ้านเดียวคือบ้านร่องไฮหมู่ที่ 1 ตำบลแม่ใส อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ต่อมาได้มีการแยกหมู่บ้านเพิ่ม จึงเป็นบ้านร่องไฮหมู่ที่1และบ้านร่องไฮ หมู่ที่11 พ.ศ. 2540เหตุผลของการแยกหมู่บ้านในครั้งนั้น สืบเนื่องจากเขตการปกครองของบ้าน ร่องไฮ หมู่ที่ 1มีมากและประชาชนในหมู่บ้านมีความต้องการที่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงาน ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านของโครงสร้างพื้นฐานด้าน สาธารณูปโภค ด้านการเงินการจัดตั้งกองทุนหรือจัดตั้งชมรมต่างๆ
ฉะนั้นการแยกหมู่บ้านจึงเป็นหนทางที่ประชาชนในหมู่บ้านร่องไฮจะได้รับการ ช่วยเหลือเป็นสองเท่าจากที่เป็นอยู่แต่การแยกหมู่บ้านครั้งนั้น ก็มิได้มีผลกระทบต่อทางด้านสังคมและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีอยู่ แต่จะเป็นการเพิ่มความสามารถและการเพิ่มประสิทธิภาพและความเข็มแข็งของชาว บ้านในการพัฒนาหมู่บ้านร่องไฮให้ดีขึ้นและเจริญยิ่งกว่าเดิม
ชุมชนบ้านร่องไฮ มี วัดร่องไฮ เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจต่างๆของประชาชนมีโรงเรียนประถมศึกษา1 แห่งตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ปัจจุบันจำนวนประชากรของชุมชนบ้านร่องไฮ หมู่ที่ 1ทั้งหมด506คนจำนวน127ครัวเรือน จำแนกเป็นชาย232คนเป็นหญิง274 คนและ หมู่ที่11มีประชากรทั้งหมด 325คนจำนวน 128ครัวเรือนจำแนกเป็นชาย160คน เป็นหญิง165คน
การเข้าถึงชุมชนบ้านร่องไฮนั้นสามารถเข้าถึงได้ 2 ด้าน คือการเข้าถึงทางบก และการเข้าถึงทางน้ำ
การเข้าถึงทางบก ชุมชนบ้านร่องไฮ ห่างจากตัวจังหวัดเป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร และห่างจากเขตเทศบาลเมืองพะเยา ซึ่งเป็นย่านพาณิชยกรรมของชุมชนแม่ต๋ำ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งทางนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากจังหวัดพะเยาถึงชุมชนบ้านร่องไฮได้โดย สะดวกด้วยรถส่วนตัว
หรือนักท่องเที่ยวจะใช้บริการรถสาธารณะสองแถวที่ผ่านชุมชนบ้านร่องไฮ สายพะเยา - แม่นาเรือ – แม่ใจ ที่สามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณตลาดสดพะเยา ซึ่งจะมีรถผ่านชุมชนจนถึงเวลา 17.00 น. รถเที่ยวสุดท้ายที่ออกจากชุมชนไปยังตัวเมือง เวลา 15.00 น. ซึ่งสามารถใช้บริการรถสาธารณะสองแถวได้โดยที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
ตลอดเส้นทางจากตัวอำเภอเมืองพะเยา ถึงย่านชุมชนแม่ต๋ำซึ่งเป็นถนนสี่ช่องทางเดินรถแต่ช่วงสี่แยกแม่ต๋ำเข้ามา ยังชุมชนบ้านร่องไฮ เป็นถนนลาดยางเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร จนมาถึงสายหลักภายในหมู่ที่เชื่อมต่อจากถนน แม่นาเรือ – แม่ใจ เป็นถนนลาดคอนกรีตเสริมเหล็ก
บ้านเลขที่ 31 ม.11 ต.แม่ใส อ.เมือง จ.พะเยา 56000
โทรศัพท์ : 08 9556 0192 แฟกส์ :
อีเมล์ : maharut55@hotmail.com ข้อมูลเพิ่มเติม สถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน
Tuesday, June 22, 2010
สัมผัสวิถีชีวิตการประมงที่บ้านร่องไฮ (กว๊านพะเยา)
หลงรักเธอแล้ว...นครริโอ เดอ จาเนโร
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่การเดินทางของคนๆหนึ่งนั้น มักเกิดจากการที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน บางคนอาจค้นพบว่าสิ่งรอบๆตัวสามารถสร้างความประทับใจให้ได้ ทั้งๆที่สิ่งนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกแต่อย่างใดเลย
เสียงเฮ! ของการเชียร์อะไรสักอย่างที่ดังทะลุกำแพงข้างบ้านมา แต่ไม่นานนักก็สามารถเฉลยข้อสงสัยของคนรักสงบอย่างเราๆได้ เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงของการแข่งขันบอลโลกนั่นเอง
แต่เอ...แล้วนี้คู่ไหนเตะนะ...มีคนบอกว่าหนุ่มบราซิลแต่ละคนหน้าตาคมคายแบบ สุดๆ...แต่อย่างพึ่งเข้าใจผิดว่าชมแต่ผู้ชายนะคะ เพราะว่าสาวๆของเค้าก็น่าตาระดับนางงามทั้งนั้น ขนาดนักฟุตบอลบางคนยังหน้าตาระดับพระเอกได้เลยนะ เฮ่อ!ยิ่งคิดแล้วยิ่งเพ้อเจ้อจริงๆ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว หากคุณคิดที่จะเพ้อฝันถึงหนุ่มๆสาวๆของประเทศนี้ แต่ว่ายังไม่มีโอกาสมาเยือนประเทศของเขาเสียที แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันหล่ะ ว่าแล้วเราก็นึกถึงเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศ อย่าง นคร ริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) ซึ่งเราชื่อว่าคุณๆทั้งหลายอาจคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้างนะ
นครริโอ เดอ จาเนโร ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงวของประเทศบราซิลมาก่อนค่ะ แต่ปัจจุบันนั้นตำแหน่งเมืองหลวงได้ถูกเมืองบราซิเลียแย่งไปคราองเสียแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะน้อยเนื้อต่ำใจไปเสียเลย เพราะถึงไม่ได้เป็นเมืองหลวง แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของ ประเทศเลยนะ
โดย นครริโอ เดอ จาเนโร นั้นถือว่าเป็นนครที่มีทิวทัศน์สวยงามและมีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรมและ ทางธรรมชาติ แน่นอนว่าคุณจะต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความสวยงามของ ภูเขา ทะเล ป่าไม้ และทะเลสาบกลางเมืองที่ดูจะมีความสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือในยามค่ำคืน
นอกจากนั้นนครแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการฉลอง เทศกาล Carnival ของบราซิล นักท่องเที่ยวคนไหนที่ต้องการจะไปเที่ยวในช่วงเทศกาลนี้ ต้องจองที่พักล่วงหน้าเป็นเวลานานหน่อยนะคะ ที่สำคัญคือในช่วงเทศกาลราคาค่าที่พักโรงแรมต่าง ๆจะสูงขึ้นมาก ทางที่ดีคือต้องจองล่วงหน้า หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเก็บตังไว้เยอะๆค่ะ
มาเที่ยว ริโอ เดอ จาเนโร แล้วจะได้เจออะไรบ้าง นั่น! ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะคะที่คุณจะถาม เพราะเราเองก็ถามมาก่อนคุณเช่นกัน หากคุณมองไปทางเขาคอร์โควาโด คุณจะพบว่าที่นั่นมีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยจุดชมวิวนี้มี รูป ปั้นของพระเยซู ชื่อ Christ of Redeemer ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วยค่ะ
ด้วยชื่อเสียงของเมืองในหลายๆอย่าง แน่นอนว่าการมาเที่ยวนครแห่งนี้ดูสักครั้ง คงจะสร้างความประทับใจให้คุณได้ไม่น่อยเหมือนกัน ว่าแต่คุณหล่ะพร้อมที่จะออกเดินทางหรือยังคะ
ซิดิ บู ซาอิด ดินแดนที่ไปแล้วไม่อยากจะจากลา...
ประเทศตูนิเซีย (Tunisia) นับว่าเป็นอีกประเทศที่มีเสน่ห์ทางด้านสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศอาหรับมุสลิมที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศทางตะวันออกสุด และเล็กที่สุดของ 3 ประเทศบนเทือกเขาแอตลาส
เมืองซิดิ บู ซาอิด (Sidi Bou Said) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเมืองแห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น เมืองที่โรแมนติกที่สุดในประเทศตูนีเซีย
เพียงแค่ก้าวแรกของการเดินทางมาถึง คุณสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีทั้งท้องทะเลสีฟ้าครามตัดกับท้องฟ้าสีสดใส เมื่อมองลงมาจากระเบียงที่พัก คุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ พร้อมทั้งเสียงเกลียวคลื่นที่สาดเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
เดินเล่นชมทะเลสักพัก คุณอาจเปลี่ยนใจอยากเข้ามาชมความงดงามของอาคารบ้านเรือนภายในตัวเมืองซิดิ บู ซาอิด ที่ตัวเมืองนั้นถูกสร้างขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ โดยบ้านแต่ละหลังจะถูกทาตัวบ้านด้วยสีขาว และตัดกับประตูหน้าต่างด้วยการทาสีฟ้า มองดูแล้วชวนให้น่าพักผ่อนเป็นไหนๆ
กิจกรรมส่วนใหญ่ที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมเมื่อมาเที่ยวยังเมืองนี้ ก็คงเป็นการช็อปปิ้งซื้อสินค้าพื้นเมืองในร้านค้าที่ตั้งเรียงรายไปตามถนน สายหลักของตัวเมือง
นอกจากนั้นยังเคยมีตำนานเรื่องเล่าขานกันว่า เซนต์หลุยส์ (Saint Louis) ได้เดินทางมาทำสงครามและได้ตกหลุมรักกับ เจ้าหญิง เบอเบอะ แห่งเมืองนี้ จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อและอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้อย่างมีความสุขอีกด้วย
เมืองซิดิ บู ซาอิด ยังมีสถานที่อีกหลายๆแห่งที่เราไม่สามารถบรรยายได้หมด มีอยู่เพียงสิ่งเดียวคือการมาเยือนของคุณเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสความสุข และความสวยงามของเมืองนี้ได้จริงๆ
