

ต่อมาจึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศหนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อ พื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินจากชาวเขาในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง
จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอก เมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขาในการนำพืชเหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”
กิจกรรมท่องเที่ยว “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง”


1.กิจกรรมขี่จักรยาน เส้นทางสำหรับขี่จักรยานเพื่อชมธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวนิยมจะเป็นเส้นทางด้านในสถานีฯ เพราะตลอดเส้นทางจะได้ชมธรรมชาติและแปลงทดลองเกษตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ แต่หากอยากนำจักรยานคู่ใจขึ้นมาปั่นบนนี้แล้วจะรู้สึกมั่นใจในการขี่มากกว่า ก็ไม่ว่ากัน
2.การดูนก ดอยอ่างขางเป็นสถานที่ที่มีนกมากมายกว่า 1,000 สายพันธุ์ อาทิเช่น Sunbird,นกพญาไฟ และบางส่วนก็เป็นนกที่ใกล้สูญพันธุ์และหาดูได้ยากสถานที่ที่เหมาะสำหรับการ ดูนกบริเวณดอยอ่างขางคือบริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ (อยู่ด้านขวามือหากขับรถลงมาจากจุดกางเต็นท์ของสถานีฯ),บริเวณรอบๆรีสอร์ท ธรรมชาติอ่างขาง ส่วนด้านในสถานีฯก็จะเป็นจุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้านหลังสำนักงานของสถานีฯ
3.การขี่ฬ่อชมธรรมชาติ การขี่ฬ่อก็เป็นวิธีการชมความงามในธรรมชาติภายในสถานีฯได้ดีอีกวิธีหนึ่ง ฬ่อ (สัตว์ลูกผสมระหว่างม้าและลา) ซึ่งฬ่อเป็นสัตว์พาหนะที่สำคัญในการเดินทางและขนผลผลิตของชาวเขาในแถบนี้ หากนักท่องเที่ยวสนใจอยากจะลองขี่ฬ่อก็สามารถติดต่อได้ที่สถานีเกษตรหลวง อ่างขาง
4.เดินป่าศึกษาธรรมชาติ มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ 2 แห่งด้วยกันแห่งแรกคือ
เส้นทางเดินชมกุหลาบพันปี (Rhododendron)จะอยู่ด้านนอกห่างจากปาก ทางเข้าสถานีฯประมาณ 4.5 กิโลเมตร โดยจุดที่สูงที่สุดคือ เนินพันเก้า ซึ่งมีความสูงถึง 1,928 เมตรจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเพื่อขึ้นไปถึงจุดยอดเป็นระยะทาง 500-800 เมตร ซึ่งจะชมความงามของกุหลาบพันปีได้ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ส่วนในช่วงเดือนอื่นก็ยังจะมีพันธุ์ไม้แปลกตาให้ได้ชื่นชมอีกเช่นกัน

เส้นทางศึกษาธรรมชาติของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนั้นเป็นเส้นทาง ที่กำหนดขึ้นบริเวณรอบสถานี ซึ่งมีเส้นทางทั้งหมด 10 เส้นทางด้วยกันและต้นไม้ที่ปลูกในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินั้นจะเป็นต้นไม้ ที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวันทั้งหมด
โดยจะขอแนะนำเส้นทางทั้งหมดตามลำดับดังนี้
ซอยดงกระถินดอย จะเริ่มต้นเส้นทางบริเวณหลังพระตำหนัก และระยะทางโดยรวมของ เส้นทางนี้ประมาณ 200 เมตร ไม้หลักที่ปลูกจะเป็น ต้นเมเปิ้ลหอม, ต้นกระถินดอย และ ต้นจันทร์ทอง
ซอยสวนป่าผสม เป็นเส้นทางที่ต่อเนื่องมาจาก ซอยดงกระถินดอย ไม้หลักที่ปลูกจึงเป็นประเภทเดียวกัน ระยะทางซอยนี้ ประมาณ 970 เมตร
ซอยสาม พ.ศ.จะเชื่อมต่อทางมาจากซอยสวนป่าผสม ไม้หลักที่ปลูก นอกจากจะเป็นชนิดเดียวกับ ซอยดงกระถินดอยและซอยสวนป่าผสมแล้ว ไม้อีกชนิด ที่ปลูกเฉพาะเส้นทางนี้ คือ ต้น Zelkova ระยะทางโดยรวมคือ 1,650 เมตร
ซอยสนหนามบน และ ซอยสนหนามล่าง สนหนามจะเป็นไม้หลักที่ปลูก ในสองเส้นทางนี้ ระยะทางของ ซอยสนหนามบนจะประมาณ 730 เมตร ส่วน ซอย สนหนามล่างจะมีระยะทาง 1,100 เมตร
ซอยสนซูงิ เส้นทางนี้จะมีสนซูงิปลูกเป็นไม้หลัก และมีระยะทางโดยรวมประมาณ 330 เมตร
ซอยนางพญาเสือโคร่ง (ซากุระดอย)จุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้จะอยู่ บริเวณด้านหลัง สำนักงานของสถานี จะมีระยะทาง 530 เมตร และจะมีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่ตลอดเส้นทาง
ซอยสวนไผ่ จะเริ่มต้นเส้นทางบริเวณอ่างเก็บน้ำของสถานี ซึ่งมีไผ่หลายชนิดที่ปลูกตลอด เส้นทาง อาทิ ไผ่บงใหญ่, ไผ่ลวก และ ไผ่หมาจู๋ จะมีระยะทาง 670 เมตร
ซอยหุบผาขาวต้นไผ่ จะเป็นไม้หลักที่ปลูกในเส้นทางนี้ และชื่อของซอยนี้จะเรียกตามลักษณะเส้นทางที่ต้องเดินผ่านถ้ำในสถานีที่ชื่อ ถ้ำหุบผาขาว ระยะทางของเส้นทางนี้ ประมาณ 1,100 เมตร
ซอยศูนย์สาธิต การใช้ไม้เริ่มต้นเส้นทางจากด้านหลังศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์ โดยจะผ่านแปลงการบูร แล้วเดินเรื่อยไปจนจดซอยสนหนามล่าง ระยะทาง ประมาณ 450 เมตร
สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สถานีเกษตรหลวงอ่าง ขาง
0 comments:
Post a Comment